ม้วนเสื่อกลับบ้านเรียบร้อยสำหรับแข้ง “ช้างศึก” ทีมชาติไทย หลังลงสนาม 3 นัดมี 2 แต้ม ตกรอบแรก เอเชียนเกมส์เป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี ถือเป็นความล้มเหลว และตกต่ำอย่างชัดเจนของฟุตบอลไทย
ส่วนผลงานของทีมแข้งสาวไทยก็ใช่ว่าจะดี แม้จะผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายแบบบุญพาวาสนาส่ง แต่ฟอร์มกระท่อนกระแท่นเหลือเกิน ยังดีที่ผลของกลุ่มอื่นเป็นใจทำให้แข้งสาวไทยยังได้ไปต่อ
สำหรับผลงานของช้างศึกที่ล้มเหลวแบบนี้ส่วนตัวในฐานะแฟนบอลที่มองเห็นต้องถามหาความรับผิดชอบตั้งแต่ต้นทางคือสมาคมกีฬาฟุตบอล
เพราะสมาคมฯเลือกประธานเทคนิค ประธานเทคนิคเลือกโค้ช โค้ชเลือกนักเตะ ดังนั้นต้องแสดงความรับผิดชอบกันทุกฝ่าย
เรื่องเวลาการเตรียมทีมที่มีไม่ถึงสัปดาห์ก็เกิดจากสมาคมฯวางโปรแกรมบอลภายในประเทศไม่ดีเอง
ส่วนโค้วต้าอายุเกินที่ครั้งนี้โค้ชไม่เลือกใช้งานจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่รวมถึงเรื่องแทคติกและการจัดตัวผู้เล่นอันนี้โค้ชก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
ถึงเวลานี้ไม่ต้องไปโทษใครเพราะทุกอย่างเกิดจากการตัดสินใจของทุกคน ออกมายืดอกรับผิด และร่วมกันแก้ปัญหายังจะดีกว่า
วันก่อนได้ฟังคำสัมภาษณ์ของ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ กุนซือของทีม ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อที่เดินทางไปทำข่าว ว่าถ้าเรามี ชนาธิป และธีรศิลป์ ป่านนี้เราชนะไปแล้ว
บอกตรงๆ ฟังแล้วงง ในเมื่ออยากใช้งานทำไมไม่เรียกมาติดทีมในโค้วต้าอายุเกินละครับ จะบอกว่าสโมสรไม่ปล่อยตัวก็เรื่องนึง แต่เชื่อว่ามันน่าจะมีวิธีคุย
ขนาด ซน เฮือง มิน ต้นสังกัดเค้ายังปล่อยมารับใช้ชาติเลย จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ผมว่าทุกอย่างมันมีวิธีคุย ขึ้นอยู่กับว่าเราคุยเป็นหรือเปล่า??
นอกจากคำสัมภาษณ์ของโค้ชโย่งแล้ว ยิ่งมาฟัง “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง หัวเรือใหญ่วงการลูกหนังไทยให้สัมภาษณ์ ยิ่งอดเป็นห่วงอนาคตของฟุตบอลไทยไม่ได้ ไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร
“บิ๊กอ๊อด” บอกว่าไม่สนกระแสวิจารณ์ของแฟนบอล รวมถึงไม่สนใจกระแสต่อต้านการทำงานของตัวเอง พร้อมเชื่อมั่นว่าการทำงานของตัวเอง ดีกว่าการทำงาน 10 ปีที่ผ่านมา
เรียนตามตรงครับหากท่านยังยึดติดกับอดีต ยังไม่ยอมก้าวข้าม แล้วมองไปข้างหน้า ก็น่าเป็นห่วงว่าอนาคตฟุตบอลไทยจะเดินไปทางไหน
หากท่านลองก้าวถอยหลังออกมามองภาพรวมว่าวงการฟุตบอลไทยเป็นอย่างไร ท่านจะเห็นว่า ตอนนี้สัญญาณไม่ดีกำลังเกิดขึ้น ยกตัวอย่างตอนนี้เพื่อนบ้านเราทั้ง เวียดนาม, เมียนมาร์ ทีม 19 ปีเค้าไปเล่นเยาวชนโลกมาแล้ว ส่วนของเรายังย่ำอยู่กับที่ อีกหน่อยเราจะเอาอะไรสู้เค้า
มาตรฐานของเรายังห่างชั้นกับทีมระดับเอเชีย และฟุตบอลโลกอยู่มาก ที่ผ่านมาเราเราคิดว่าเราเป็นรองอยู่ไม่กี่ทีม แต่ความจริงเรายังสูสี บังคลาเทศ และในอนาคตเราอาจจะไม่เหนือกว่าชาติเพื่อนบ้านก็เป็นได้ ดังนั้นเราควรกลับไปทบทวนตัวเองใหม่
การตกรอบของทีมชาติไทยครั้งนี้ส่งผลกระทบหลายด้าน ที่แน่ๆคือกระแสฟุตบอลน่าจะดิ่งลงเหวเข้าไปอีก จากที่ปัจจุบันฟุตบอลไทยลีกของเราคนดูก้เริ่มเหงียบเหงา
ปัจจัยหนึ่งเป็นผลมาจากผลงานทีมชาติ เมื่อทีมชาติทำผลงานในระดับนานาชาติไม่ดี นักเตะไม่สามารถแจ้งเกิดเป็นซูเปอร์สตาร์เหมือนอย่างที่เคยเป็น นั่นก็ทำให้ไม่มีอะไรจูงใจคนดู
ต้องยอมรับว่าแฟนบอลไทยไม่ได้คลั่งฟุตบอลเข้าสายเลือดเหมือนคนอังกฤษ แต่คนไทยยังมาดูบอลตามกระแสเป็นส่วนมาก
ที่ผ่านมา ซิโก้, ตะวัน, ธวัชชัย, ชนาธิป, ธีรศิลป์, สารัช, ชัปปุยส์ ล้วนแจ้งเกิดจากเกมนานาชาติ จนกลายเป็นฮีโร่ และเกิดกระแสทำให้แฟนบอลอยากเข้ามาชมฝีเท้าจริงๆในสนาม
แต่ตอนนี้ทีมชาติไทยผลงานไม่ดีก็ต้องยอมรับว่าอาจทำให้แฟนบอลเข้าสนามลดน้อยลงกว่าเดิมแน่นอน
หากสมาคมฯยังดื้อไม่ฟังเสียงวิจารณ์ของแฟนบอลที่สะท้อนออกมา รวมถึงฟังคำทักท้วงของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็น่าเป็นห่วงว่าอนาคตบอลไทยจะถอยหลังกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง
ที่เขียนมายืดยาวไม่ได้เรียกร้องอะไรมากนายกสมาคมฯไม่ต้องมารับผิดชอบด้วยการลาออก
แค่ช่วยทำให้กระแสฟุตบอลไทยกลับมาจุดเดิม จุดที่พวกท่านก้าวเข้ามาบริหารก็พอ!!!